Photographer : | © Ayuwat Jearwattanakanok |
ชื่อสามัญ | ชื่อวิทยาศาสตร์ | ชื่อไทย | การรายงาน | สถานภาพตามฤดูกาล |
Japanese Sparrowhawk | Accipiter gularis | เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่น | A | N |
เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่น (Accipiter gularis)
คำว่า gularis ในภาษาละติน แปลว่า “คอ” (throat) มักใช้เพื่ออธิบายลักษณะของสัตว์ที่มีสีหรือลวดลายที่คอ เช่น เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่น มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Accipiter gularis ซึ่งหมายถึง “เหยี่ยวนกเขาที่มีคอสีน้ำตาล” (brown-throated hawk)
นอกจากนี้ คำว่า gularis ยังใช้เพื่ออธิบายตำแหน่งของสิ่งต่างๆ ที่อยู่บริเวณคอ เช่น กล้ามเนื้อ gularis ที่อยู่บริเวณคอของมนุษย์
ตัวอย่างการใช้คำว่า gularis ในภาษาอังกฤษ:
- The bird has a gularis patch of red feathers. (นกมีบริเวณคอสีน้ำตาล)
- The muscle is located in the gularis region of the neck. (กล้ามเนื้ออยู่บริเวณคอ)
เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่นเป็นนกล่าเหยื่อขนาดเล็ก พบกระจายพันธุ์ในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยพบได้ทั่วประเทศ พบบ่อยในป่าโปร่ง ชายป่า สวนผลไม้ และสวนสาธารณะ
ลักษณะ
เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่นตัวผู้มีลำตัวด้านบนสีน้ำตาลแกมเทา ไม่มีเส้นกลางคอหรือมีแต่จางมาก อกและท้องสีน้ำตาลแกมส้มเข้มกว่าเหยี่ยวนกเขาพันธุ์จีน หรือเห็นเป็นลายขวางถี่ๆ แถบหางด้านบนแคบกว่ามักเห็น 4 แถบ ตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ ตาเหลืองหรือแกมส้ม คล้ายเหยี่ยวนกกระจอกเล็ก แต่เส้นกลางคอเล็กกว่า อกไม่มีลายขีด ลายขวางที่อก ท้อง และสีข้างละเอียดกว่า สีน้ำตาลเข้มแกมเทา สีหัวและหลังไม่ต่างกันมาก นกวัยอ่อนยากที่จะแยกจากเหยี่ยวนกกระจอกเล็ก แต่เส้นกลางคอบางกว่า ขีดที่อกน้อยกว่าและไม่เป็นสีดำ
ขนาด
มีความยาวลำตัวประมาณ 27-30 เซนติเมตร ความยาวปีกประมาณ 80-90 เซนติเมตร และน้ำหนักประมาณ 120-160 กรัม
อาหาร
เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่นเป็นนกนักล่า อาหารหลักคือนกขนาดเล็ก เช่น นกกระจอก นกนางแอ่น นกหัวขวาน และนกกินแมลงชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ยังกินสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก เช่น กิ้งก่า และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น ค้างคาว
การสืบพันธุ์
เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่นจะวางไข่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม รังจะสร้างบนต้นไม้สูง วางไข่ครั้งละ 2-4 ฟอง ระยะเวลาฟักไข่ประมาณ 30 วัน ลูกนกจะออกจากรังเมื่ออายุประมาณ 45 วัน
สถานะการอนุรักษ์
เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่นจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
ความแตกต่างระหว่างเหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่นกับเหยี่ยวนกเขาพันธุ์จีน
เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่นและเหยี่ยวนกเขาพันธุ์จีนเป็นนกล่าเหยื่อขนาดเล็กที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก แต่สามารถแยกแยะได้จากลักษณะดังนี้
- เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่นมีลำตัวด้านบนสีน้ำตาลแกมเทา ไม่มีเส้นกลางคอหรือมีแต่จางมาก อกและท้องสีน้ำตาลแกมส้มเข้มกว่าเหยี่ยวนกเขาพันธุ์จีน หรือเห็นเป็นลายขวางถี่ๆ แถบหางด้านบนแคบกว่ามักเห็น 4 แถบ
- เหยี่ยวนกเขาพันธุ์จีนมีลำตัวด้านบนสีน้ำตาลแกมดำ มีเส้นกลางคอดำ อกและท้องสีน้ำตาลแกมแดงเข้มกว่าเหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่น แถบหางด้านบนกว้างกว่ามักเห็น 5 แถบ
นอกจากนี้ เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่นตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ประมาณ 25% ในขณะที่เหยี่ยวนกเขาพันธุ์จีนตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ประมาณ 40%
การจำแนก
เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่นจัดอยู่ในวงศ์ Accipitridae ซึ่งเป็นวงศ์ของนกล่าเหยื่อขนาดเล็ก มีปีกกว้างกว่าและกลมกว่าและมีหางสั้นกว่านกล่าเหยื่อขนาดใหญ่ เช่น นกอินทรี อีแร้งและแฮร์ริเออร์
1
2
3
4
5
6
A : นกที่มีรายงานพบตามธรรมชาติในระยะ 50 ปีที่ผ่านมา
B : นกที่ไม่มีรายงานพบในธรรมชาติเป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปี
C : นกต่างถิ่นที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย และสามารถปรับตัวให้อาศัยและขยายพันธุ์ได้เองในธรรมชาติ
D : นกที่พบในธรรมชาติแต่อาจเป็นนกที่หลุดจากกรงเลี้ยง
E : นกที่มีรายงานพบในอดีต แต่อาจเป็นการจำแนกชนิดผิดพลาด
F : นกที่เป็นประชากรผสมข้ามสายพันธุ์ และยังไม่มีรายงานของประชากรที่มีลักษณะแท้ตามชนิดดั้งเดิม
สถานภาพตามฤดูกาลของนกแต่ละชนิด
R : นกประจำถิ่น
N : นกที่อพยพเข้ามาช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์ (ฤดูหนาว)
B : นกที่อพยพเข้ามาทำรังวางไข่
P : นกอพยพผ่านช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง
V : นกพลัดหลง มีรายงานไม่เกิน 3 ครั้ง
ขอบคุณข้อมูลภาพถ่ายจาก https://ebird.org
ขอบคุณข้อมูลการกระจายพันธุ์และเสียงร้องจาก https://ebird.org