เหยี่ยวนกเขาชิครา Shikra

Photographer : © Sumit Sengupta

 

ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อไทย การรายงาน สถานภาพตามฤดูกาล
Shikra Accipiter badius เหยี่ยวนกเขาชิครา A R, N

เหยี่ยวนกเขาชิครา (Shikra) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Accipiter badius คำภาษาละตินคำว่า Accipiter badius หมายถึง “เหยี่ยวนกเขาสีน้ำตาล” (brown goshawk) ซึ่งเป็นนกล่าเหยื่อขนาดเล็กในวงศ์ Accipitridae คำว่า Accipiter มาจากภาษาละตินคำว่า accipiter ซึ่งหมายถึง “ผู้ล่า” และคำว่า badius หมายถึง “สีน้ำตาล” คำว่า Accipiter badius จึงหมายถึง “เหยี่ยวนกเขาสีน้ำตาล”

เหยี่ยวนกเขาชิครา เป็นนกล่าเหยื่อขนาดกลางชนิดหนึ่งในวงศ์ Accipitridae พบได้ทั่วไปในทวีปเอเชียและแอฟริกา ในประเทศไทยพบได้ในทุกภาคยกเว้นภาคใต้

ลักษณะทั่วไป

เหยี่ยวนกเขาชิครา ตัวผู้มีลำตัวด้านบนสีเทาแกมฟ้า ลำตัวด้านล่างสีขาว อกและท้องมีลายขวางสีส้มแกมน้ำตาลแดง หางมีแถบสีเข้ม 5 แถบ ขณะบินปีกด้านล่างสีขาว ปลายปีกดำ ตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้เล็กน้อย ลำตัวด้านบนแกมน้ำตาลมากกว่าตัวผู้ ลายขวางที่อกหนากว่า

ขนาดและน้ำหนัก

เหยี่ยวนกเขาชิครา ตัวผู้มีความยาวลำตัวประมาณ 30-36 เซนติเมตร ความยาวปีกประมาณ 20-24 เซนติเมตร ความยาวหางประมาณ 17-21 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 130-220 กรัม ตัวเมียมีความยาวลำตัวประมาณ 32-38 เซนติเมตร ความยาวปีกประมาณ 21-25 เซนติเมตร ความยาวหางประมาณ 18-22 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 150-250 กรัม

การกระจายพันธุ์

เหยี่ยวนกเขาชิครา พบได้ทั่วไปในทวีปเอเชียและแอฟริกา ในประเทศไทยพบได้ในทุกภาคยกเว้นภาคใต้ มักพบในป่าโปร่ง บางครั้งพบตามสวนผลไม้หรือสวนสาธารณะ ที่ราบถึงความสูง 1,650 เมตร

อาหาร

เหยี่ยวนกเขาชิครา กินนกขนาดเล็กเป็นอาหาร เช่น นกกระจอก นกกระจิบ นกหัวขวาน นกเค้าแมว เป็นต้น นอกจากนี้ยังกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น กระรอก หนู กระต่าย เป็นต้น

สถานะการอนุรักษ์

เหยี่ยวนกเขาชิครา มีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในประเทศไทย

ข้อควรระวัง

เหยี่ยวนกเขาชิคราเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ห้ามเลี้ยง ห้ามครอบครอง ห้ามจำหน่าย และห้ามล่า มีโทษหนักสูงสุดคือจำคุก 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

1

2

3

4

5
เสียงร้อง
6
A : นกที่มีรายงานพบตามธรรมชาติในระยะ 50 ปีที่ผ่านมา

B : นกที่ไม่มีรายงานพบในธรรมชาติเป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปี

C : นกต่างถิ่นที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย และสามารถปรับตัวให้อาศัยและขยายพันธุ์ได้เองในธรรมชาติ

D : นกที่พบในธรรมชาติแต่อาจเป็นนกที่หลุดจากกรงเลี้ยง

E : นกที่มีรายงานพบในอดีต แต่อาจเป็นการจำแนกชนิดผิดพลาด

F : นกที่เป็นประชากรผสมข้ามสายพันธุ์ และยังไม่มีรายงานของประชากรที่มีลักษณะแท้ตามชนิดดั้งเดิม

 

สถานภาพตามฤดูกาลของนกแต่ละชนิด

R : นกประจำถิ่น

N : นกที่อพยพเข้ามาช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์ (ฤดูหนาว)

B : นกที่อพยพเข้ามาทำรังวางไข่

P : นกอพยพผ่านช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง

V : นกพลัดหลง มีรายงานไม่เกิน 3 ครั้ง


ขอบคุณข้อมูลภาพถ่ายจาก https://ebird.org
ขอบคุณข้อมูลการกระจายพันธุ์และเสียงร้องจาก https://ebird.org

 

About The Author

More From Author

Leave a Reply

เนื้อหาน่าสนใจ