นกพงปากหนา   Thick-billed Warbler

Photographer : © Nobajyoti Borgohain
ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อไทย การรายงาน สถานภาพตามฤดูกาล
Thick-billed Warbler Arundinax aedon นกพงปากหนา A N

นกพงปากหนา (Thick-billed Warbler) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Arundinax aedon คำว่า Arundinax มาจากภาษาละตินคำว่า arundo ซึ่งหมายถึง “อ้อ” และคำว่า ax ซึ่งหมายถึง “คล้าย” ส่วนคำว่า aedon มาจากภาษากรีกคำว่า aedon ซึ่งหมายถึง “นกขับขาน”
นกพงปากหนาเป็นนกขนาดเล็กในวงศ์นกพง (Acrocephalidae) พบได้ในประเทศจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหมู่เกาะอินโดนีเซีย ในประเทศไทยพบได้ในช่วงฤดูหนาว หรือนอกฤดูผสมพันธุ์ มักพบในป่าละเมาะ ทุ่งหญ้า ชายป่า

ลักษณะทั่วไป

นกพงปากหนา ตัวผู้มีลำตัวด้านบนน้ำตาลเข้ม ลำตัวด้านล่างสีขาว อกมีลายขวางน้ำตาลแดงแกมส้ม หางมีแถบสีดำ 4 แถบ ขณะบินปีกด้านล่างสีขาว ปลายปีกดำ ตัวเมียมีลำตัวด้านบนน้ำตาลแกมเขียวกว่าตัวผู้ อกมีลายขวางน้ำตาลเข้มกว่า

ขนาดและน้ำหนัก

นกพงปากหนา ตัวผู้มีความยาวลำตัวประมาณ 13-14 เซนติเมตร ความยาวปีกประมาณ 10-11 เซนติเมตร ความยาวหางประมาณ 5-6 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 10-12 กรัม ตัวเมียมีความยาวลำตัวประมาณ 12-13 เซนติเมตร ความยาวปีกประมาณ 9-10 เซนติเมตร ความยาวหางประมาณ 4-5 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 9-11 กรัม

การกระจายพันธุ์

นกพงปากหนา พบได้ในประเทศจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหมู่เกาะอินโดนีเซีย ในประเทศไทยพบได้ในช่วงฤดูหนาว หรือนอกฤดูผสมพันธุ์ มักพบในป่าละเมาะ ทุ่งหญ้า ชายป่า

อาหาร

นกพงปากหนา กินแมลงเป็นอาหาร เช่น แมลงปอ ตั๊กแตน จิ้งหรีด เป็นต้น

พฤติกรรม

นกพงปากหนา มักหากินตามลำพังหรือเป็นคู่ มักพบเกาะอยู่ตามกอหญ้าหรือไม้พุ่มต่ำ ออกหากินในเวลากลางวัน

เสียงร้อง

นกพงปากหนา มีเสียงร้องที่ไพเราะ มีลักษณะเป็นเสียงร้องซ้ำๆ กันหลายครั้ง

สถานะการอนุรักษ์

นกพงปากหนา มีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในประเทศไทย

ความแตกต่างจากนกพงนาพันธุ์อินเดียและนกพงปากยาว

นกพงปากหนา มีลักษณะเด่นคือปากหนากว่านกพงนาพันธุ์อินเดียและนกพงปากยาว ปากล่างสีชมพูอ่อนชัดเจนกว่า ขนสีน้ำตาลเข้มกว่านกพงนาพันธุ์อินเดียเล็กน้อย ขาและนิ้วอัตราส่วนยาวกว่า

1

2

3

4

5
เสียงร้อง
6
A : นกที่มีรายงานพบตามธรรมชาติในระยะ 50 ปีที่ผ่านมา

B : นกที่ไม่มีรายงานพบในธรรมชาติเป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปี

C : นกต่างถิ่นที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย และสามารถปรับตัวให้อาศัยและขยายพันธุ์ได้เองในธรรมชาติ

D : นกที่พบในธรรมชาติแต่อาจเป็นนกที่หลุดจากกรงเลี้ยง

E : นกที่มีรายงานพบในอดีต แต่อาจเป็นการจำแนกชนิดผิดพลาด

F : นกที่เป็นประชากรผสมข้ามสายพันธุ์ และยังไม่มีรายงานของประชากรที่มีลักษณะแท้ตามชนิดดั้งเดิม

 

สถานภาพตามฤดูกาลของนกแต่ละชนิด

R : นกประจำถิ่น

N : นกที่อพยพเข้ามาช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์ (ฤดูหนาว)

B : นกที่อพยพเข้ามาทำรังวางไข่

P : นกอพยพผ่านช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง

V : นกพลัดหลง มีรายงานไม่เกิน 3 ครั้ง


ขอบคุณข้อมูลภาพถ่ายจาก https://ebird.org
ขอบคุณข้อมูลการกระจายพันธุ์และเสียงร้องจาก https://ebird.org

 

ใส่ความเห็น