นกพงนาพันธุ์แมนจูเรีย   Manchurian Reed Warbler

Photographer : © James Eaton/Birdtour Asia

 

ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อไทย การรายงาน สถานภาพตามฤดูกาล
Manchurian Reed Warbler Acrocephalus tangorum นกพงนาพันธุ์แมนจูเรีย A N

นกพงนาพันธุ์จีน (Blunt-winged Warbler) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Acrocephalus concinens  คำว่า Acrocephalus มาจากภาษากรีกคำว่า akros ซึ่งหมายถึง “สูง” และคำว่า cephale ซึ่งหมายถึง “หัว” ส่วนคำว่า tangorum มาจากชื่อของมณฑลแมนจูเรียในประเทศจีน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ค้นพบนกชนิดนี้ครั้งแรก

นกพงนาพันธุ์จีน เป็นนกขนาดเล็กในวงศ์นกพง (Acrocephalidae) พบได้ในประเทศจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย ในประเทศไทยพบได้ในช่วงฤดูหนาว หรือนอกฤดูผสมพันธุ์ มักพบในเขตชุ่มน้ำ เช่น บึง หนอง นา ป่าชายเลน

ลักษณะทั่วไป

นกพงนาพันธุ์จีน ตัวผู้มีลำตัวด้านบนสีน้ำตาลแกมส้ม ตะโพกน้ำตาลแดงมากกว่าส่วนอื่น ลำตัวด้านล่างขาว ข้างลำตัวน้ำตาลแกมส้มเหลือง เมื่อเข้าช่วงปลายฤดูหนาว ขนเก่าอาจเปลี่ยนเป็นน้ำตาลแกมเทา ตะโพกสีน้ำตาลแกมแดงน้อยลง ท้องขาวสีข้างน้ำตาลแกมแดงเหลืองเล็กน้อย

  • ปากยาวกว่านกพงนาพันธุ์อินเดีย ปากล่างสีชมพูอ่อนชัดเจนกว่า ขนสีน้ำตาลเข้มกว่านกพงนาพันธุ์อินเดียเล็กน้อย ขาและนิ้วอัตราส่วนยาวกว่า

ขนาดและน้ำหนัก

นกพงนาพันธุ์จีน ตัวผู้มีความยาวลำตัวประมาณ 14 เซนติเมตร ความยาวปีกประมาณ 10-11 เซนติเมตร ความยาวหางประมาณ 5-6 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 10-12 กรัม ตัวเมียมีความยาวลำตัวประมาณ 12-13 เซนติเมตร ความยาวปีกประมาณ 9-10 เซนติเมตร ความยาวหางประมาณ 4-5 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 9-11 กรัม

การกระจายพันธุ์

นกพงนาพันธุ์จีน พบได้ในประเทศจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย ในประเทศไทยพบได้ในช่วงฤดูหนาว หรือนอกฤดูผสมพันธุ์ มักพบในเขตชุ่มน้ำ เช่น บึง หนอง นา ป่าชายเลน

อาหาร

นกพงนาพันธุ์จีน กินแมลงเป็นอาหาร เช่น แมลงปอ ตั๊กแตน จิ้งหรีด เป็นต้น

พฤติกรรม

นกพงนาพันธุ์จีน มักหากินตามลำพังหรือเป็นคู่ มักพบเกาะอยู่ตามกอหญ้าหรือไม้พุ่มต่ำ ออกหากินในเวลากลางวัน

เสียงร้อง

นกพงนาพันธุ์จีน มีเสียงร้องที่ไพเราะ มีลักษณะเป็นเสียงร้องซ้ำๆ กันหลายครั้ง

สถานะการอนุรักษ์

นกพงนาพันธุ์จีน มีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในประเทศไทย

1

2

3

4

5
เสียงร้อง
6
A : นกที่มีรายงานพบตามธรรมชาติในระยะ 50 ปีที่ผ่านมา

B : นกที่ไม่มีรายงานพบในธรรมชาติเป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปี

C : นกต่างถิ่นที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย และสามารถปรับตัวให้อาศัยและขยายพันธุ์ได้เองในธรรมชาติ

D : นกที่พบในธรรมชาติแต่อาจเป็นนกที่หลุดจากกรงเลี้ยง

E : นกที่มีรายงานพบในอดีต แต่อาจเป็นการจำแนกชนิดผิดพลาด

F : นกที่เป็นประชากรผสมข้ามสายพันธุ์ และยังไม่มีรายงานของประชากรที่มีลักษณะแท้ตามชนิดดั้งเดิม

 

สถานภาพตามฤดูกาลของนกแต่ละชนิด

R : นกประจำถิ่น

N : นกที่อพยพเข้ามาช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์ (ฤดูหนาว)

B : นกที่อพยพเข้ามาทำรังวางไข่

P : นกอพยพผ่านช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง

V : นกพลัดหลง มีรายงานไม่เกิน 3 ครั้ง


ขอบคุณข้อมูลภาพถ่ายจาก https://ebird.org
ขอบคุณข้อมูลการกระจายพันธุ์และเสียงร้องจาก https://ebird.org

 

About The Author

More From Author

Leave a Reply

เนื้อหาน่าสนใจ