นกพงใหญ่พันธุ์อินเดีย   Clamorous Reed Warbler

Photographer : © Porag Jyoti Phukan

 

ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อไทย การรายงาน สถานภาพตามฤดูกาล
Clamorous Reed Warbler Acrocephalus stentoreus นกพงใหญ่พันธุ์อินเดีย A N

นกพงใหญ่พันธุ์อินเดีย (Clamorous Reed Warbler) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Acrocephalus stentoreus  คำว่า Acrocephalus มาจากภาษากรีกคำว่า akros ซึ่งหมายถึง “สูง” และคำว่า cephale ซึ่งหมายถึง “หัว” ส่วนคำว่า stentoreus มาจากภาษาละตินคำว่า stentor ซึ่งหมายถึง “กู่ร้องเสียงดัง”

ดังนั้น คำว่า Acrocephalus stentoreus จึงหมายถึง “นกกระจิบที่ร้องเสียงดัง”

ชื่อวิทยาศาสตร์ของนกชนิดนี้ มาจากลักษณะการร้องเพลงที่ไพเราะและดังกังวาน

นกพงใหญ่พันธุ์อินเดีย  เป็นนกขนาดเล็กในวงศ์นกพง (Acrocephalidae) พบได้ในประเทศอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจีน ในประเทศไทยพบได้ในช่วงฤดูหนาว หรือนอกฤดูผสมพันธุ์ มักพบในเขตชุ่มน้ำ เช่น บึง หนอง นา ป่าชายเลน และสวนสาธารณะ

ลักษณะทั่วไป

นกพงใหญ่พันธุ์อินเดีย ตัวผู้มีลำตัวด้านบนสีน้ำตาลเข้ม ลำตัวด้านล่างสีขาว อกมีลายขวางสีน้ำตาลเข้ม หางมีแถบสีดำ 4 แถบ ขณะบินปีกด้านล่างสีขาว ปลายปีกดำ ตัวเมียมีลำตัวด้านบนน้ำตาลแกมเขียวกว่าตัวผู้ อกมีลายขวางสีน้ำตาลเข้มกว่า

ขนาดและน้ำหนัก

นกพงใหญ่พันธุ์อินเดีย ตัวผู้มีความยาวลำตัวประมาณ 16-17 เซนติเมตร ความยาวปีกประมาณ 11-12 เซนติเมตร ความยาวหางประมาณ 6-7 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 15-17 กรัม ตัวเมียมีความยาวลำตัวประมาณ 15-16 เซนติเมตร ความยาวปีกประมาณ 10-11 เซนติเมตร ความยาวหางประมาณ 5-6 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 14-16 กรัม

การกระจายพันธุ์

นกพงใหญ่พันธุ์อินเดีย พบได้ในประเทศอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจีน ในประเทศไทยพบได้ในช่วงฤดูหนาว หรือนอกฤดูผสมพันธุ์ มักพบในเขตชุ่มน้ำ เช่น บึง หนอง นา ป่าชายเลน และสวนสาธารณะ

อาหาร

นกพงใหญ่พันธุ์อินเดีย กินแมลงเป็นอาหาร เช่น แมลงปอ ตั๊กแตน จิ้งหรีด เป็นต้น

พฤติกรรม

นกพงใหญ่พันธุ์อินเดีย มักหากินตามลำพังหรือเป็นคู่ มักพบเกาะอยู่ตามกอหญ้าหรือไม้พุ่มต่ำ ออกหากินในเวลากลางวัน

เสียงร้อง

นกพงใหญ่พันธุ์อินเดีย มีเสียงร้องที่ไพเราะ มีลักษณะเป็นเสียงร้องซ้ำๆ กันหลายครั้ง

สถานะการอนุรักษ์

นกพงใหญ่พันธุ์อินเดีย มีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในประเทศไทย

ความแตกต่างจากนกพงนาพันธุ์อินเดียและนกพงปากยาว

นกพงใหญ่พันธุ์อินเดีย มีลักษณะเด่นคือ ลำตัวใหญ่กว่านกพงนาพันธุ์อินเดียและนกพงปากยาว ปากยาวกว่านกพงนาพันธุ์อินเดีย ปากล่างสีชมพูอ่อนชัดเจนกว่า ขนสีน้ำตาลเข้มกว่านกพงนาพันธุ์อินเดียเล็กน้อย ขาและนิ้วอัตราส่วนยาวกว่า

1

2

3

4

5
เสียงร้อง
6
A : นกที่มีรายงานพบตามธรรมชาติในระยะ 50 ปีที่ผ่านมา

B : นกที่ไม่มีรายงานพบในธรรมชาติเป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปี

C : นกต่างถิ่นที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย และสามารถปรับตัวให้อาศัยและขยายพันธุ์ได้เองในธรรมชาติ

D : นกที่พบในธรรมชาติแต่อาจเป็นนกที่หลุดจากกรงเลี้ยง

E : นกที่มีรายงานพบในอดีต แต่อาจเป็นการจำแนกชนิดผิดพลาด

F : นกที่เป็นประชากรผสมข้ามสายพันธุ์ และยังไม่มีรายงานของประชากรที่มีลักษณะแท้ตามชนิดดั้งเดิม

 

สถานภาพตามฤดูกาลของนกแต่ละชนิด

R : นกประจำถิ่น

N : นกที่อพยพเข้ามาช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์ (ฤดูหนาว)

B : นกที่อพยพเข้ามาทำรังวางไข่

P : นกอพยพผ่านช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง

V : นกพลัดหลง มีรายงานไม่เกิน 3 ครั้ง


ขอบคุณข้อมูลภาพถ่ายจาก https://ebird.org
ขอบคุณข้อมูลการกระจายพันธุ์และเสียงร้องจาก https://ebird.org

 

ใส่ความเห็น