X

เหยี่ยวทุ่งสีจาง Pallid Harrier

Photographer : © Avinash Bhagat

 

ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อไทย การรายงาน สถานภาพตามฤดูกาล
Pallid Harrier Circus macrourus เหยี่ยวทุ่งสีจาง E V

เหยี่ยวทุ่งสีจาง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Circus macrourus ในภาษาละตินคำว่า Circus macrourus หมายถึง “เหยี่ยวปีกยาว” (long-tailed buzzard) ซึ่งเป็นนกล่าเหยื่อขนาดกลางในวงศ์ Accipitridae คำว่า Circus มาจากภาษาละตินคำว่า circus ซึ่งหมายถึง “วงกลม” และคำว่า macrourus หมายถึง “มีหางยาว” คำว่า Circus macrourus จึงหมายถึง “เหยี่ยวที่มีหางยาว”

เหยี่ยวทุ่งสีจาง (Pallid Harrier) เป็นนกล่าเหยื่อขนาดเล็กในวงศ์เหยี่ยวและอินทรี (Accipitridae) พบได้ทั่วไปในยูเรเชียและเอเชีย พบได้ในประเทศไทยเป็นนกอพยพในช่วงฤดูหนาว

ลักษณะทั่วไป

เหยี่ยวทุ่งสีจางมีความยาวลำตัวประมาณ 38-43 เซนติเมตร ตัวผู้ : หัวและลำตัวด้านบนสีจางคล้ายสีเทา อกและท้องสีขาว หางสีดำมีปลายหางสีขาว ตัวเมีย : หัวและอกสีน้ำตาลแกมดำ ท้องสีจางกว่าตัวผู้ ปีกลายน้ำตาลสลับดำ

ถิ่นอาศัย

เหยี่ยวทุ่งสีจางมักพบอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้า พื้นที่เกษตรกรรม และป่าละเมาะ

อาหาร

เหยี่ยวทุ่งสีจางกินหนู กระต่าย นก งู และจิ้งจกเป็นอาหาร

การสืบพันธุ์

เหยี่ยวทุ่งสีจางทำรังบนพื้นดิน ตัวเมียจะวางไข่ประมาณ 2-3 ฟอง ไข่มีสีขาว ฟักเป็นตัวประมาณ 30-35 วัน

สถานะการอนุรักษ์

เหยี่ยวทุ่งสีจางจัดอยู่ในสถานะใกล้ถูกคุกคาม (Near Threatened) ตามการประเมินของ IUCN เนื่องจากมีประชากรลดลงอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากการตัดไม้ทำลายป่าและการสูญเสียที่อยู่อาศัย

ข้อมูลเพิ่มเติม

เหยี่ยวทุ่งสีจางเป็นนกที่ออกหากินในเวลากลางวัน มักบินวนเวียนอยู่เหนือพื้นที่หาอาหาร เมื่อพบเหยื่อจะบินโฉบลงมาจับอย่างรวดเร็ว

เหยี่ยวทุ่งสีจางเป็นนกที่พบเห็นได้ทั่วไปในเขตเมืองและเขตชานเมือง มักบินวนเวียนอยู่เหนือทุ่งหญ้าและพื้นที่เกษตรกรรม

ความแตกต่างระหว่างเหยี่ยวทุ่งสีจางกับเหยี่ยวทุ่งพันธุ์เอเชียตะวันออก

เหยี่ยวทุ่งสีจางและเหยี่ยวทุ่งพันธุ์เอเชียตะวันออกเป็นนกล่าเหยื่อขนาดเล็กในวงศ์เดียวกัน แต่มีขนาดและลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • เหยี่ยวทุ่งสีจางมีขนาดเล็กกว่าเหยี่ยวทุ่งพันธุ์เอเชียตะวันออก
  • เหยี่ยวทุ่งสีจางมีหัวและลำตัวด้านบนสีจางกว่าเหยี่ยวทุ่งพันธุ์เอเชียตะวันออก
  • เหยี่ยวทุ่งสีจางมักพบอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าและพื้นที่เกษตรกรรม ในขณะที่เหยี่ยวทุ่งพันธุ์เอเชียตะวันออกมักพบอาศัยอยู่ในป่า

 

 

1
2
3
4
5
6
A : นกที่มีรายงานพบตามธรรมชาติในระยะ 50 ปีที่ผ่านมา

B : นกที่ไม่มีรายงานพบในธรรมชาติเป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปี

C : นกต่างถิ่นที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย และสามารถปรับตัวให้อาศัยและขยายพันธุ์ได้เองในธรรมชาติ

D : นกที่พบในธรรมชาติแต่อาจเป็นนกที่หลุดจากกรงเลี้ยง

E : นกที่มีรายงานพบในอดีต แต่อาจเป็นการจำแนกชนิดผิดพลาด

F : นกที่เป็นประชากรผสมข้ามสายพันธุ์ และยังไม่มีรายงานของประชากรที่มีลักษณะแท้ตามชนิดดั้งเดิม

 

สถานภาพตามฤดูกาลของนกแต่ละชนิด

R : นกประจำถิ่น

N : นกที่อพยพเข้ามาช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์ (ฤดูหนาว)

B : นกที่อพยพเข้ามาทำรังวางไข่

P : นกอพยพผ่านช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง

V : นกพลัดหลง มีรายงานไม่เกิน 3 ครั้ง


ขอบคุณข้อมูลภาพถ่ายจาก https://ebird.org
ขอบคุณข้อมูลการกระจายพันธุ์และเสียงร้องจาก https://ebird.org

admin: