เหยี่ยวด่างดำขาว Pied Harrier

Photographer : © Martin Hale
ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อไทย การรายงาน สถานภาพตามฤดูกาล
Pied Harrier Circus melanoleucos เหยี่ยวด่างดำขาว A N

เหยี่ยวด่างดำขาว (Pied Harrier) เป็นนกล่าเหยื่อชนิดหนึ่ง ในวงศ์เหยี่ยวและอินทรี (Accipitridae) พบกระจายพันธุ์ในเอเชียตะวันออก ตั้งแต่จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยพบได้ทางภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ลักษณะ

ตัวเต็มวัยมีความยาวประมาณ 48-56 เซนติเมตร ลำตัวด้านบนสีน้ำตาลเข้มแกมเทา ลำตัวด้านล่างสีขาว มีลายน้ำตาลจาง ๆ หางสีน้ำตาลเข้มมีแถบสีดำ 4 แถบ ปีกยาวและปลายปีกแหลม ขณะบินปีกยกขึ้นเป็นรูปตัว V หัวขนาดใหญ่มีลายสีน้ำตาลเข้ม ตาสีเหลือง

ถิ่นอาศัย

พบได้ตามพื้นที่ชุ่มน้ำ เช่น บึง หนอง นา ทุ่งหญ้า บางครั้งอาจพบในป่าละเมาะหรือพื้นที่เกษตรกรรม

อาหาร

กินสัตว์ขนาดเล็ก เช่น กระต่าย หนู นก งู และสัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ

พฤติกรรม

มักพบหากินตามลำพังหรือเป็นคู่ บินวนหาเหยื่ออยู่เหนือพื้นที่ชุ่มน้ำ เมื่อพบเหยื่อก็จะโฉบลงมาจับอย่างรวดเร็ว

การสืบพันธุ์

ทำรังบนพื้นดินในบริเวณที่มีพืชพรรณปกคลุม วางไข่ครั้งละ 2-4 ฟอง ระยะฟักไข่นานประมาณ 35-40 วัน ลูกนกจะฟักออกมาเป็นสีเทา ขนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อโตขึ้น

สถานะการอนุรักษ์

จัดเป็นนกที่มีสถานะใกล้ถูกคุกคาม (IUCN 3.1) เนื่องจากมีจำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น การสูญเสียถิ่นอาศัย การล่าเพื่อการค้า และการปนเปื้อนของสารเคมีในสิ่งแวดล้อม

ความแตกต่างระหว่างเหยี่ยวด่างดำขาวกับเหยี่ยวทุ่งพันธุ์เอเชียตะวันออก

เหยี่ยวด่างดำขาว (Pied Harrier) และเหยี่ยวทุ่งพันธุ์เอเชียตะวันออก (Eastern Marsh Harrier) เป็นนกล่าเหยื่อที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก ยากที่จะแยกแยะความแตกต่างได้อย่างชัดเจน แต่ก็มีบางจุดสังเกตได้ดังนี้

  • เหยี่ยวด่างดำขาวมีหัวและลำตัวด้านบนสีน้ำตาลเข้มแกมเทามากกว่าเหยี่ยวทุ่งพันธุ์เอเชียตะวันออก
  • เหยี่ยวด่างดำขาวมีลำตัวด้านล่างสีขาวมีลายน้ำตาลจาง ๆ มากกว่าเหยี่ยวทุ่งพันธุ์เอเชียตะวันออก
  • เหยี่ยวด่างดำขาวมีหางสีน้ำตาลเข้มมีแถบสีดำ 4 แถบ ชัดเจนกว่าเหยี่ยวทุ่งพันธุ์เอเชียตะวันออก
  • เหยี่ยวด่างดำขาวมีปีกยาวและปลายปีกแหลมกว่าเหยี่ยวทุ่งพันธุ์เอเชียตะวันออก

 

1

2

3

4

5

6
A : นกที่มีรายงานพบตามธรรมชาติในระยะ 50 ปีที่ผ่านมา

B : นกที่ไม่มีรายงานพบในธรรมชาติเป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปี

C : นกต่างถิ่นที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย และสามารถปรับตัวให้อาศัยและขยายพันธุ์ได้เองในธรรมชาติ

D : นกที่พบในธรรมชาติแต่อาจเป็นนกที่หลุดจากกรงเลี้ยง

E : นกที่มีรายงานพบในอดีต แต่อาจเป็นการจำแนกชนิดผิดพลาด

F : นกที่เป็นประชากรผสมข้ามสายพันธุ์ และยังไม่มีรายงานของประชากรที่มีลักษณะแท้ตามชนิดดั้งเดิม

 

สถานภาพตามฤดูกาลของนกแต่ละชนิด

R : นกประจำถิ่น

N : นกที่อพยพเข้ามาช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์ (ฤดูหนาว)

B : นกที่อพยพเข้ามาทำรังวางไข่

P : นกอพยพผ่านช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง

V : นกพลัดหลง มีรายงานไม่เกิน 3 ครั้ง


ขอบคุณข้อมูลภาพถ่ายจาก https://ebird.org
ขอบคุณข้อมูลการกระจายพันธุ์และเสียงร้องจาก https://ebird.org

 

ใส่ความเห็น